เกมแนวต่อสู้ ( Fighting Games ) ถือเป็นแนวเกมแรกที่นิยมในการจัดงานแข่งขันมากที่สุด พื้นฐานเกมแนวต่อสู้คือการที่ผู้เล่นจะต้องมาแข่งขันแบบ 1vs1 โดยที่ผู้เล่นจะสามารถเลือกตัวละครที่มีวิชาต่อสู้แตกต่างกันได้คล้ายกับเกมแนว MOBA เกมแนวนี้จึงไม่ค่อยซ้ำซาก และสามารถทำให้เกิดกลยุทธ์มากมายในการเอาชนะ ทำให้แนวเกมต่อสู้จึงยังคงเป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้ 

แต่อีกหนึ่งเรื่องราวของเกมแนวต่อสู้ที่น่าสนใจคือมีอยู่หลายเกมที่อยู่กันมาตั้งแต่สมัยเกมตู้ และทุกวันนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมให้จัดแข่งกันอยู่บ่อยครั้ง บทความนี้จึงขอพาไปดู 5 เกมต่อสู้ในตำนาน ที่อยู่ใน Esports นับตั้งแต่สมัยตู้เกม

1.   The King of Fighters

The King of Fighters คือเกมต่อสู้จากค่ายเกมญี่ปุ่น SNK ซึ่งเป็นเกมที่ทาง SNK อยากจะนำตัวละครในเกมก่อนหน้าชื่อดังอย่าง Art of Fighting, Fatal Fury และอื่นๆ มาสู้กันในเกม The King of Fighters นี้ ตัวเกมมีจุดเด่นตรงที่ผู้เล่นจะไม่ได้เลือกตัวละครมาทำการต่อสู้ แต่ผู้เล่นจะต้องเลือกทีมที่มีถึง 3 ตัวละคร โดยการเล่นในแมตซ์นึง หากหลอดเลือดผู้เล่นหมดในรอบนั้นก็จะเปลี่ยนตัวละครที่อยู่ในทีมจนครบถึงจะชนะ และแพ้แมตซ์นั้นได้ ทำให้เกมได้รับกระแสค่อนข้างดีช่วงปลายยุค 90

หลังจาก The King of Fighters ปล่อยตัวเกมภาคที่สองในปี 1995 ก็ทำให้เกม The King of Fighters กลายเป็นเกมต่อสู้อันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นขึ้นมาทันที เพราะในภาคใหม่นี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถสร้างทีมแล้วเลือกตัวละครเองทั้ง 3 ได้ ทำให้ทาง SNK ทำเกม The King of Fighters ภาคต่อออกมาในทุกๆ ปี จนในปี 1998 เกม The King of Fighters 98 ก็นับเป็นภาคแรกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นครั้งแรกที่เกม The King of Fighters ออกไปโด่งดังนอกประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งในประเทศไทยก็เคยมีการตั้งตู้เกมภาคนี้ที่จอใหญ่มากตามห้างสมัยก่อน The King of Fighters 98 จึงนับเป็นภาคที่เริ่มมีการจัดแข่งขันกันทั่วโลก

ซีรี่ย์เกม The King of Fighters จึงถือเป็นเกมต่อสู้ในวงการ Esports อันดับต้นๆ นับตั้งแต่ยุคปลาย 90 จนถึงช่วงปี 2010 หลังจากนั้น เกมซีรี่ย์นี้ก็หายไปจากวงการเกมอย่างยาวนาน เนื่องจากทางค่ายเกม SNK ไปสนใจทำธุรกิจรูปแบบอื่นเสียมากกว่า ทำให้เกม The King of Fighters ภาคล่าสุดที่หายไปอย่างยาวนานก็พึ่งนำมาวางจำหน่ายในปี 2016 นี้ เราจึงไม่ค่อยได้เห็นเกม The King of Fighters ในงานแข่งขันเกมต่อสู้ใหญ่ๆ ในช่วงนี้ซักเท่าไหร่ เพราะกระแสของเกมที่หายไปเนิ่นนานนั้นเอง แต่ทางค่ายเกม SNK ก็ยังคงจัดแคมเปญในชื่อ SNK e-Sports Support Program โดยเป็นการสมทบทุนให้ผู้ที่อยากจะจัดงานแข่งเกมนี้ขึ้นมา

2.   Dead or Alive

Dead or Alive เป็นเกมต่อสู้ที่เกิดมาจากไอเดียสุดแปลก ของค่ายเกม Tecmo ที่อยากจะทำเกมต่อสู้โดยมีตัวละครผู้หญิงหน้าอกโต แต่งตัวยั่วยวนเป็นจุดขาย ไอเดียนี้ก็ถูกใช้มาตั้งแต่ภาคแรกที่อยู่ในสมัยตู้เกม และเครื่องเกมคอนโซลสุดฮิตในตอนนั้นอย่าง PlayStation 1 ซึ่งก็ได้กระแสตอบรับจากผู้เล่นมาโดยตลอด ทำให้เกม Dead or Alive ภาคหลังๆ ก็เริ่มที่จะมีตัวละครหญิงแบบที่ว่ามามากขึ้น และระบบต่างๆ อย่างฟิสิกส์หน้าอกเด้งได้ ก็ยิ่งทำให้เกมนี้เป็นที่สนใจในทางแปลกๆ จากเกมต่อสู้อื่น และถึงแม้เกม Dead or Alive จะไม่ได้เน้นทำเกมไปทางด้านการแข่งขันก็ยังมีคนนำเกมนี้ไปจัดแข่งในงานใหญ่ๆ อยู่ดี

แต่หลังจากที่เกม Dead or Alive เดินทางเข้ามาสู่ภาคที่ 6 พวกเขาก็พยายามลดจุดขายพวกนี้ลง เพื่อหันมาทำให้เป็นเกมการแข่งขันในรูปแบบ Esports มากขึ้น ทำให้ในช่วงหลังที่ผ่านมา เกม Dead or Alive 6 ก็ได้ไปจัดแข่งในงานเกมต่อสู้ใหญ่ที่สุดอย่าง evo 2019  และถึงแม้คอนเทนท์ยั่วยวนจะถูกลดน้อยลง เหล่าคนเล่นก็ยังคงรู้สึกว่ามันมีมากอยู่ดี 

3.   Mortal Kombat

Mortal Kombat ถือเป็นเกมต่อสู้ที่ติดเรทมากที่สุดแห่งวงการเกม ด้วยเกมการต่อสู้ที่มีเลือดสาดตลอดเวลา รวมทั้งท่าไม้ตายแต่ละตัวละครที่รุนแรงจนเห็นอวัยวะภายในร่างกายศัตรู จนกลายเป็นเกมแรกของโลกที่ทำให้ทุกเกมต้องมีเรทอายุมากำกับ ซีรี่ย์เกมนี้เริ่มมาโด่งดังมากที่สุดในภาคที่ 3 ที่วางจำหน่ายในปี 1995 จากการเป็นเกมต่อสู้ที่มีความลื่นไหลมากที่สุด ทำให้เกมภาคนี้จึงได้มีการนำมาจัดแข่งอยู่บ่อยครั้งจนถึงปัจจุบัน

แต่หลังจากประสบความสำเร็จในภาคที่ 3 เกมซีรี่ย์ Mortal Kombat ก็กลับพยายามที่จะนำหน้าเทคโนโลยีเกมอื่นจนมากเกินไป อย่างการที่มันกลายเป็นเกมภาพสามมิติแล้วดันไม่สนุกเหมือนสมัยสองมิติ หรือจะมาจากการใส่ลูกเล่นให้ใช้อาวุธโจมตีได้ แล้วดันไปทำให้ระบบของเกมอย่างอื่นขัดเกลาได้ไม่ดีเท่าที่ควร เกม Mortal Kombat หลังจากนั้นจึงไม่ค่อยถูกนำมาจัดแข่ง แล้วยังทำให้ผู้สร้างเกมนี้เสียลิขสิทธิ์ไปอยู่กับทางค่าย Warner Bros แทน

แต่แล้ว Mortal Kombat ก็กลับกลายมาเป็นเกมต่อสู้ที่ฮิตอันดับต้นๆ อีกครั้งหลังจากที่ซีรี่ย์เกมนี้มาตกอยู่ในมือค่าย Warner Bros โดยเกม Mortal Kombat ภาคใหม่ที่วางจำหน่ายในปี 2011 สามารถทำให้เกมมีกราฟฟิคที่สวยงามทันสมัยกว่าเกมอื่นอย่างมาก เกมการเล่นก็ทำออกมาได้สนุกแบบสมัยภาค 3 รวมทั้งท่าไม้ตายของแต่ละตัวละครในรอบนี้ก็จะรุนแรงจนเห็นอวัยวะภายในของศัตรูที่สมจริงจนสยองกว่าเดิมอีก ซีรี่ย์เกม Mortal Kombat ในช่วงหลังจึงกลับมาถูกนำไปแข่งขันในงานเกมต่อสู้ใหญ่ๆ อีกครั้ง จนกลายเป็นเกมต่อสู้ที่นิยมมากที่สุดของฝั่งอเมริกา และยุโรป ในปัจจุบัน โดยมีนักแข่งเกมนี้ที่สามารถทำรายได้สูงสุดในการแข่งขันเกมต่อสู้เป็นอันดับ 1 จากทุกเกมอีกด้วย

4.   Tekken

Tekken คือเกมต่อสู้ในช่วงเกมเป็นภาพสามมิติที่ทำออกมาได้เร้าใจคนเล่นมากที่สุด โดยเกม Tekken เริ่มมาโด่งดังในช่วงภาคที่ 2 ของเกม ที่มีการตลาดในฉบับตู้เกมสุดแปลกนั่นก็คือการที่ตัวละครใหม่ๆ ในเกมจะปลดล็อคประจำทุกสัปดาห์ ผู้ที่ชอบเล่นเกมต่อสู้จึงอยากจะไปหยอดเหรียญเล่นเกมนี้กันบ่อยครั้ง เพื่อจะดูว่าตัวละครใหม่ปลดล็อคหรือยัง แถมกว่าจะปลดล็อคตัวละครบทั้งหมดก็ใช้เวลาไปมากถึง 3 เดือนเลยทีเดียว ทำให้มีผู้เล่นที่ติดตามเกมนี้กันอยู่เป็นจำนวนมากในสมัยแรกๆ

Tekken นับเป็นเกมต่อสู้ที่เบื่อยากมากในทางการแข่งขัน เพราะตัวละครนึงในเกมจะมีท่าคอมโบมากถึง 100 รูปแบบ การจะเล่นให้ชินแต่ละตัวจึงต้องใช้เวลานาน และในภาคนึงของเกมส่วนใหญ่ก็จะมีตัวละครให้เลือกใช้เยอะมาก ทำให้เกม Tekken จึงเป็นอีกหนึ่งเกมต่อสู้ที่อยู่ได้นานจนถึงทุกวันนี้ และยังเป็นเกมที่ไม่ว่าจะปล่อยภาคไหนออกมาก็ได้รับความนิยมมาโดยตลอด จนทำให้ซีรี่ย์นี้กลายเป็นเกมที่มีการจัดแข่งขันอันดับต้นๆ ทางฝั่งเอเชีย

5.  Street Fighter 

จบด้วยเกมต่อสู้ที่อยู่มานานมากที่สุดอย่าง Street Fighter ที่นับเป็นเกมแรกของโลกอีกด้วยที่ผู้เล่นจะสามารถเลือกตัวละครมาสู้กันได้หลากหลายตัว ซึ่งเป็นระบบที่อยู่ในเกม Street Fighter ภาคที่ 2 โดยเปิดให้เล่นผ่านเกมตู้ในปี 1991 ทำให้การบุกเบิกแนวต่อสู้ของเกมนี้เป็นที่โด่งดังอย่างมาก จนทำให้กลายเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วทั้งในทางฝั่งเอเชีย และยุโรป Street Fighter ถือเป็นซีรี่ย์เกมที่ทำเงินให้ค่ายเกมญี่ปุ่นอย่าง Capcom ได้เยอะมหาศาลเป็นเกมแรกก่อนที่จะสร้างเกมชื่อดังขึ้นมาอย่าง Resident Evil, Devil May Cry และ Monster Hunter ที่หลายคนในยุคนี้รู้จักกันเยอะ

Street Fighter ยังคงเป็นซีรี่ย์เกมที่ได้รับความนิยมในภาคต่อหลังจากนั้นเรื่อยมา แถมยังมีการทำออกมาเป็นเกมต่อสู้ที่ Crossover กับค่ายอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น SNK vs Capcom, Marvel vs Capcom และ Street Fighter x Tekken แต่แล้วเกม Street Fighter ก็มาถึงจุดตกต่ำมากที่สุดในภาคล่าสุด

Street Fighter V ที่วางจำหน่ายในปี 2016 กลับถูกวิจารณ์ไปในทางแง่ลบอย่างมาก เนื่องจากตัวละครในเกมภาคนี้มีไม่ถึง 10 ตัว แถมยังทำการขายตัวละครแยกในอนาคตที่มีราคาแพงอีก คอนเทนท์ในเกมก็มีน้อยจนแทบไม่มีอะไรทำ ซึ่งหลายคนก็คาดเดาว่าเหตุผลที่ Street Fighter V เป็นแบบนี้ก็เพราะ Capcom ในช่วงนั้นกำลังขาลงจนไม่เหลือทุนในการสร้างเกมใหม่ให้ออกมาดี แต่โชคยังดีที่ Capcom ก็สามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้จากเกมอื่นจนทำให้มีทุนมาปรับปรุงเกม Street Fighter V ภายหลังให้ดีขึ้น ปัจจุบันจึงกลายเป็นเกมต่อสู้แถวหน้าในชื่อ Street Fighter V: Arcade Edition ที่มาพร้อมกับตัวละครประจำซีรี่ย์นี้มากมาย และคอนเทนท์ที่เยอะเทียบเท่าเกมอื่น ทำให้เกม Street Fighter V เริ่มมีการจัดแข่งขันบ่อยขึ้นมาก จนทำให้ในรายชื่อนักแข่งเกมต่อสู้ที่ทำเงินสูงที่สุดจากทุกเกมได้มีนักแข่งเกมนี้ไปติดอยู่เป็นอันดับ 2 ด้วย

และนี้ก็คือ 5 เกมต่อสู้ในตำนานตั้งแต่สมัยตู้เกม หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับใครหลายๆ คนไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว