นี่คือคำสัญญาระหว่าง MOOP – พีรวัส เปียชาติ โปรเพลเยอร์วัย 18 ปี ที่ให้คำมั่นกับ Linkou โค้ชชาวไต้หวันของ dtac x Talon Esports ในวันที่ เหยี่ยวแดง ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โปรลีก และแชมป์โลกในระยะเวลาห่างกันไม่ถึงปี โดยเหลืออีกเพียงโทรฟี่เดียวเท่านั้นที่ทีมไม่เคยคว้ามาครองนั่นคือ Arena of Valor International Championship (AIC)

อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปี ก่อน ชื่อของ MOOP ในวงการ RoV แทบไม่มีใครรู้จักว่า เขาคือใคร ฝีมือการเล่นเป็นอย่างไรเพราะเขาเคยไม่ผ่านการคัดเลือกเข้า RoV Division 1 เพื่อต่อยอดโอกาสลงเล่นใน RoV Pro League ด้วยซ้ำ…

เปิดโลก MOBA

หากพูดถึงเกมแนว MOBA แน่นอนว่า เกมแรกที่ทุกคนนึกถึงคือ Dota สุดยอดเกม MOBA แห่งยุคที่ฮิตกันทั่วโลก โดยเฉพาะภาคแรกที่เรียกได้ว่า เป็นเกมที่ทุกร้านต้องมี และทุกจอในร้านต่างพร้อมใจเปิด Dota บุกตีป้อมกันอย่างเมามัน

MOOP เป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบเกมนี้เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นเกมแรกที่ได้เปิดประตูสู่โลก MOBA ก่อนจะเดินสายนี้เรื่อยมาก่อนจะได้มารู้จักกับ RoV

“ผมเริ่มเล่นเกมที่ร้านเกมที่หนึ่ง” MOOP เล่าย้อนความสนุกช่วงแรกกับการเล่นเกม

“เห็นคนในร้านเขาเล่น Dota1 แล้วก็ HoN แล้วก็เปลี่ยนมา RoV ผมชอบเกมแนว MOBA เพราะได้เล่นกับเพื่อน เราตั้งตี้เล่นในร้านสนุกดี”

“ตอนเด็กๆผมเล่นเกมในคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ก็เล่นที่ร้านเกม ซึ่งผมสนิทกับเจ้าของเลยเล่นถึงดึกได้ เพราะตอนนั้น คุณพ่อจะเอาไปทิ้งไว้ร้านเกมในเวลาที่เขาต้องไปทำงาน ก็ได้เล่นไปเรื่อยจนกว่าพ่อจะมารับ ซึ่งวันหนึ่งก็หลายชั่วโมง”

จากความคลุกคลีกับเกมทุกๆวัน ทำให้ MOOP ได้ซึมซับการเล่นเกม ได้รู้จักโลกของเกมมากขึ้น และกลายเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ แต่ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องการแข่งขันหรือมองเป็นอาชีพ ประกอบกับครอบครัวตั้งใจให้เขามีสมาธิกับการเรียนมากกว่า

“ที่บ้านผมก็ไม่ได้สนับสนุนเรื่องการแข่งเกมมาตั้งแต่แรก แต่เวลามีงานเกมจัดขึ้น พ่อแม่จะพาไปงานก็ไปด้วยกันทั้งหมด เพราะมุมหนึ่งเขาก็อยากรู้ว่า งานนี้มันคืออะไร ยิ่งพอไปหลายๆที่เขาก็ได้เห็นคนมารอดูแข่งเกม แต่ส่วนใหญ่ผมไปซื้อเอเจนท์โค้ดในเกมมากกว่า”

“แต่มีอยู่ปีหนึ่งในงาน Thailand Game Show ผมมองเห็นคนที่กำลังแข่งเกมอยู่บนเวที วันนั้นทำให้ผมรู้สึกว่า สักวันผมต้องไปยืนจุดนั้นให้ได้”

จุดไฟนักแข่งในตัว

จากงานแข่งเกมครั้งนั้นทำให้ MOOP มีเป้าหมายอยากเป็นโปรเพลเยอร์ ได้ลงแข่งขันท่ามกลางคนดูจำนวนมาก สิ่งแรกที่เขาสนใจคือ การกดแรงค์ เพราะมองว่า นี่คือหนทางที่จะพาเขาไปสู่ระดับโปรลีก

“ผมเล่น RoV จนรู้สึกว่า ผมสู้คนอื่นในโรงเรียนได้ แข่งไหวแน่ มั่นใจว่าเก่ง เลยอยากไปแข่ง ตอนนั้นเห็นว่า คนที่จะได้ลงแข่งนั้นมาจากแรงค์ Top 50 ของ RoV ผมก็กดแรงค์ไปเรื่อยๆเพราะหวังว่า วันหนึ่งจะมีทีมมาเห็น แต่ก็ไม่มี”

เมื่อเป้าหมายแรกไม่ประสบความสำเร็จ เขาไม่ได้ล้มเลิกความพยายาม และหาเป้าหมายต่อไปนั่นคือ การลงแข่งขันในระดับ Semi-Pro เพื่อหวังเก็บประสบการณ์ และหวังว่าจะมีทีมจากโปรลีกได้เห็นฝีมือของเขา

“หลังกดแรงค์ แต่ไม่มีทีมสนใจ ผมก็คิดว่า เราคงต้องไปเก็บประสบการณ์จาก Semi-Pro ตามทัวร์นาเมนต์เล็กๆไปก่อน พยายามเก็บไปจนกว่าจะมีคนมาเห็นเรา ตอนนั้นถ้ามีรายการแข่งแม่ก็จะไปส่งหรือให้ค่าเดินทางไปแข่ง แต่ก็จะให้เราโฟกัสเรื่องเรียนค่อนข้างเยอะพอสมควร และให้การแข่งเกมเป็นแค่งานอดิเรก ส่วนใหญ่เขาแค่แนะนำให้หาสิ่งที่ชอบให้เจอ มีคอยแนะนำเส้นทางเรื่องเรียนที่ไหน แต่เล่นเกมอาชีพเป็นสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วยเลย แต่ทัศนคิตพ่อแม่มาเปลี่ยนตอนผมได้เข้าโปรลีก”

“ก่อนหน้านั้นผมเคยไปสมัครคัดเลือกเพื่อเล่นใน RoV Division 1 แต่ยังไม่ทันจะได้เล่นก็ตกรอบ ไม่ผ่านการคัดเลือก ก็รู้สึกแย่นะ เพราะคิดว่า เราก็น่าจะไปได้ แต่พอไม่ได้ก็พยายามคิดว่า ไม่เป็นไร มันก็เป็นแค่รายการหนึ่ง เรายังมีรายการอื่นๆให้เก็บประสบการณ์”

“หลังจากนั้นผมก็มีพี่คนหนึ่งชวนไปทำทีมคือ Soul of Soy ทำไปจนเริ่มมีผู้เล่นเก่งๆจากหลายที่มารวมกัน ทำให้มีพัฒนาเรื่อยๆเก็บประสบการณ์จนไปได้แชมป์ MOTS Cup 2020 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์หลักของ Garena กลายเป็นสร้างชื่อให้เรา”

การคว้าแชมป์  MOTS Cup 2020 ทำให้ MOOP เริ่มรู้สึกขยับเข้าใกล้โอกาสในโปรลีกอีกขั้น แต่ดูเหมือนจะยังไม่ถึงเวลาของเขา เมื่อเพื่อนในทีมบางรายเริ่มทยอยออกจากทีมด้วยเหตุผลส่วนตัว แต่ระหว่างนั้นก็มีทีมจากโปรลีกติดต่ออยากได้เขาไปร่วมทีมเช่นกัน

“หลังได้แชมป์ ผู้เล่นบางคนเริ่มออกจากทีม มีทีมโปรลีกติดต่อหาผมโดยตรงเพื่อดึงไปร่วมทีม ผมก็ปรึกษาในทีม แต่ผมยังมองว่า เรายังไปได้ดีกับทีมก็เลยปฏิเสธไป ผมไม่ได้เสียดายที่ตัดสินใจแบบนั้น เพราะมองด้วยว่า หากไปแล้วเรามีโอกาสได้แชมป์กับทีมนั้นๆหรือเปล่า”

“ช่วงนั้นผมเริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้นในระดับ Semi-Pro จนได้มาแข่ง Road to Glory 2020 ผมคิดว่า รายการนี้มันสร้างโอกาสสำคัญมากๆที่จะได้ไปเล่นโปรลีก แต่ตอนนั้นก็มีทีม Semi-Final มาแข่งด้วย ได้เจออดีตผู้เล่นโปรลีกก็มีชนะบ้าง ก่อนจะตกรอบ 4 ทีม เพราะแพ้ Bacon Time”

หลังจบ Road to Glory 2020 ต้องเคว้งหนักกว่าเดิม เพราะครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมทีมลาออก แต่ Soul of Soy ตัดสินใจไม่ทำทีมต่อ หนทางข้างหน้าของ MOOP มืดลงทันที ต้องอยู่กับการตัดสินใจที่ยากกับการเลือกเส้นทางต่อไปของตัวเอง

“หลังจบรายการนั้น ทีมเริ่มแยกย้ายไปเล่นเกมอื่น แต่ผมคุยกับ NTNz (ปัจจุบันอยู่สังกัด dtac x Talon Esports) ว่า ยังไม่อยากย้ายไปไหน อยากแข่ง อยากเข้าโปรลีก ตอนนั้นเริ่มคิดการได้แชมป์บ้างแล้ว แต่หลังรู้ว่าทีมไม่ทำต่อ ผมก็ทักไปถาม EVOS ในตำแหน่งป่า แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ขาดออฟเลน แต่สุดท้ายก็ได้เทส และผมเทสติดคนเดียว”

อย่างไรก็ตามยังไม่ทันจะได้ร่วมสังกัด EVOS Esports กระแสของ MOOP กลับโดนวิจารณ์อย่างหนัก เมื่อทีมดึงป่าหน้าใหม่ที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาร่วมทีม บวกความคาดหวังสูง ทำให้กระแสตีกลับด้านลบ ซึ่งท้ายที่สุด EVOS มีการปรับไลน์อัพใหม่ก่อนเริ่มซีซั่น และเป็น MOOP ที่ตัดสินใจย้ายออกจากทีม โดยที่ยังไม่ทันได้เซ็นสัญญา 

“ผมผิดหวังนะที่ต้องออกมา เพราะตอนนั้นผมซ้อมกับทีมไปร่วมครึ่งเดือนพอเป็นแบบนี้เลยรู้สึกเหมือนเราไม่ได้อะไร ผมเลยตัดสินใจย้ายออกมาดีกว่า”

แต่ความผิดหวังในครั้งนั้นกลายเป็นพรหมลิขิตพาเขาไปอยู่กับทีมที่กำลังจะทำให้ชื่อ MOOP เป็นที่รู้จักของวงการ RoVทั่วโลก นั่นคือ dtac x Talon Esports

โดน Bully

ขณะที่กำลังผิดหวังจาก EVOS เส้นทางของ MOOP กับ dtac x Talon Esports กลับลงเอยด้วยความบังเอิญ และไม่มีใครคาดคิดว่า ดาวรุ่งหน้าใหม่อย่างเขาจะได้เข้ามาเป็นสมาชิกของทีม “เหยี่ยวแดง” ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์เก่า RoV Pro League 2020 Winter

“พี่โน่ Tony เขาถามถึงคอนแทค NTNz ผมก็ให้ไป แต่ผมอยากรู้ว่า Talon จะรับตัวสำรองไหมก็เลยลองถามดู เขาก็ถามกลับว่า ทำไมไม่อยู่ EVOS เพราะรู้ว่า ผมเทสติดไปแล้ว พอหลังคุยเสร็จ เขาก็ให้คุยในกลุ่มไลน์ที่มีโค้ช Linkou อยู่ เขานัดวันเทส ก็ให้เลือกถนัดตำแหน่งที่ถนัดมากที่สุดตามลำดับ สุดท้ายก็คัดผ่านไปได้ด้วยดี พอรู้ผลก็ดีใจที่ได้มาอยู่กับทีม ผมคาดหวังไว้ว่า จะได้เล่นโปรลีก และเป็นตัวจริง”

“ผมมีความกดดันในตัวเองอยู่แล้ว เพราะเป็นคนไม่ยอมแพ้ ถ้าคิดว่าเล่นไม่เก่งก็จะต้องหาทางเล่นเก่งให้ได้ พยายามเรียนรู้จากเพื่อนร่วมทีมหรือฝั่งตรงข้าม ทุกคนใน Talon ต้อนรับดีมากทั้งสตาฟฟ์ เพื่อน โค้ช ผมเฉยๆกับความยากในการเล่นโปรลีกนะ แต่สิ่งที่มีมากคือความกดดันที่มากเป็นพิเศษ เพราะ Talon เพิ่งได้แชมป์โปรลีก เราอยู่ทีมที่เป็นแชมป์เก่าก็มีความกดดันมากขึ้นก็ต้องพยายามพัฒนาให้ไว”

การย้ายมาอยู่กับทีมที่เป็นแชมป์เก่าในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่อายุน้อยที่ไม่เคยลงเล่นในโปรลีกหรือ D 1 มาก่อน กลายเป็นความกดดันที่ถาโถมใส่ MOOP และสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือคำพูดด้านลบที่โจมตีเขาตลอดเวลา ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแข่งขัน

แต่ทุกคำพูดไม่อาจบั่นทอนจิตใจนักสู้ของเขาได้ MOOP รู้ดีว่า เขามาจากไหน คนจะมองอย่างไร และสิ่งที่จะต้องทำให้คนเหล่านี้ยอมรับคืออะไร

“ผมคอยดูฟีดแบ็คตลอดนะทั้งตัวผมเองและในทีม ซึ่งมันก็มีข้อความที่ดี และไม่ดีครึ่งต่อครึ่งเลย เพราะตัวผมเพิ่งมาเล่นโปรลีกครั้งแรก ที่ผ่านมาก็ไม่เคยแข่ง D1 มาก่อน ทำให้บางคนยังไม่เคยเห็นการเล่นของเรา แต่ก็ไม่มีคำไหนที่ทำให้รู้สึกเสียใจหรือจำฝังใจขนาดนั้นหรอก”

“หรือถ้าเจอข้อความแบบนั้นผมก็จะไม่ตอบโต้อะไร แต่ผมแค่อยากรู้ว่า เขาไม่ชอบเราเพราะอะไรแค่นั้น แล้วก็คิดว่า สิ่งที่ต้องทำคือเราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ ไม่จำเป็นต้องไปหาเหตุผลมากกว่านี้”

เสียน้ำตา

ในรายการ RoV Pro League 2021 Summer ทีม Talon ถูกคาดหวังว่า จะสามารถป้องกันแชมป์ได้อีกสมัย เพื่อคว้าโควตาไปชิงแชมป์โลกในศึก Arena of Valor World Cup 2021 (AWC) 

ทว่าผลงานที่เกิดขึ้นกลับผิดคาด Talon เล่นผิดฟอร์ม ตกรอบอย่างรวดเร็วจากการแพ้ Valencia CF eSports ในรอบรองชนะเลิศ สายล่าง และคนหนึ่งที่ผิดหวังมากที่สุดคือน้องใหม่อย่าง MOOP ที่ถึงกับเสียน้ำตาหลังจบเกมนั้น

“จำได้ว่าทุกคนตึงเครียดมากๆไม่คิดว่า จะตกรอบไวขนาดนี้ แต่ก็พยายามช่วยกันปลอบไม่เป็นไร แต่ผมก็รู้ว่า ทีมงานคาดหวังกับเราไว้เยอะ ก็เลยมีความเครียดเยอะมาก”

“หลังแพ้เกมนั้นผมเดินแยกออกไปโทรไปหาแม่คนเดียว เพราะผมไม่อยากร้องไห้ให้คนในทีมเห็น แม่เขาก็ดูผมแข่งอยู่ด้วย เขาเห็นว่า เราแพ้ ผมบอกเขาว่า ขอโทษนะครับที่ผมเอาแชมป์ซีซั่นแรกมาให้ไม่ได้หลังจากนั้นผมร้องไห้เลย นั่นคือครั้งแรกที่ผมเสียน้ำตาในการแข่งขัน”

“หลังจบวันนั้นทีมเราได้พัก โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะมี Road to AWC หรือเปล่า พอ Garena ประกาศว่ามี เปิดคัดทำให้เราต้องกลับมาเอาคืนให้ได้ แต่เท่ากับว่า เราไม่ได้ซ้อมกันเลยในช่วงที่ผ่านมา นอกจากไม่ได้ซ้อม ส่วนผมก็มองว่า มันค่อนข้างยากกับโอกาสไประดับโลก เพราะผมเองเพิ่งได้เล่นโปรลีกไปซีซั่นเดียว อยู่ดีๆก็ได้มาคัดได้ไประดับโลกเฉยเลย”

“ทีมเรามีนักจิตวิทยาประจำทีม เขาให้ทุกคนในทีมตั้ง Mind set ให้มีเป้าหมายเดียวกันตั้งแต่การแข่งโปรลีกคือ เราจะต้องไปเอาแชมป์โลกมาให้ได้”

หลังปรับสภาพจิตใจมาเริ่มสู้กันใหม่ใน Road to AWC 2021 ผลงานของ Talon กลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง พวกเขาชนะทั้ง Bacon Time, Valencia CF eSports และปิดท้ายด้วยการถล่มอดีตแชมป์โปรลีก 2 สมัย อย่าง Buriram United Esports 4-1 คว้าตั๋วลุยศึก AWC ได้สำเร็จ

“การทำงานเป็นทีม เราทำได้ดีขึ้นกว่าในโปรลีก เราเข้าใจ META มากกว่าทีมอื่นด้วยซ้ำ ก็คิดว่า ถ้าเป็นแพทช์นี้เราสามารถคว้าแชมป์โลกได้เลย แต่พอหลังแข่ง Road to AWC ได้พัก แล้วทางฝ่ายจัดประกาศใช้แพทช์ต่อไปใน AWC กลายเป็นเราต้องเตรียมแก้ไขกันใหม่ มันแทบจะเปลี่ยนไปหมด ตอนนั้นทีมเราเน้นเก็บมังกรใหญ่จะได้เงินเยอะ แต่แพทช์ใหม่เนิร์ฟมังกรใหญ่ สิ่งที่เตรียมมาต้องปรับใหม่หมด”

“เราซ้อมกับทีมต่างประเทศตลอด ตั้งแต่โปรลีก หลังแข่ง Road to AWC 2021 ความมั่นใจของทีมพร้อมมาก แต่พอเปลี่ยนแพทช์ต้องคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไร เราเพิ่งพักมาด้วยก็ยังมึนๆต้องมาจูนกันใหม่ AWC ก็ใกล้เริ่มทุกที ต้องจริงจังสุดๆ”

แชมป์แรกต้องแชมป์โลก

สถานการณ์ของ Talon อยู่ในสภาวะกดดัน เมื่อต้องปรับแผนใหม่หมดทุกอย่างในระยะเวลาจำกัด เมื่อ AWC กำลังจะเริ่มขึ้นอีกไม่กี่วัน ยิ่งกว่านั้น Talon ยังเป็นทีมที่สังกัดอีสปอร์ตต่างประเทศมองข้าม เพราะส่วนใหญ่มักพูดถึง Bacon Time และ Buriram United Esports ที่เป็นสองทีมที่ต้องระวัง

แต่การถูกมองข้ามกลายเป็นเรื่องดี เมื่อพวกเขาไม่ต้องเผชิญความกดดันมากเกินไป Talon ภายใต้การคุมทัพของโค้ช Linkou ก็สร้างผลงานยอดเยี่ยม เมื่อพวกเขาไม่แพ้ให้คู่แข่งเลย โดยรอบแบ่งกลุ่มลงเล่น 6 นัด ชนะ 5 เสมอ 1 ส่วนรอบน็อคเอ้าท์ชนะติดต่อกันมา 3 นัดในสายบน โดยหนึ่งในนั้นคือการเอาชนะ Most Outstanding Player ในรอบชิงสายบน 4-2 

“ผลงานก็ถือว่า เซอร์ไพรส์ เพราะในการซ้อมเราไม่ได้ชนะขาด แพ้บ้างชนะบ้างก็หวังว่า จะเข้ารอบลึกสุด  จริงๆคิดว่า จะไปตั้งแต่รอบ Group Stage ด้วยซ้ำ แต่พอได้เข้ามาก็มีความมั่นใจจากการชนะหลายๆทีม ความกดดันก็มี แต่ไม่ได้เยอะ เราอยู่กับทีมตัวเอง สถานที่แข่งไม่ได้เปลี่ยน แข่งในแคมป์ ไม่ได้กดดันมากเหมือนเรากำลังซ้อมเลย”

Talon ผู้ไร้พ่ายโคจรมาพบกับ MOP Team อีกครั้งในรอบ Grand Finals เกมทำท่าว่า ตัวแทนจากไทยจะเอาชนะยอดทีมจากไต้หวันไปได้ง่ายๆ เหมือนรอบที่ผ่านๆมา หลังออกนำไปก่อน 2-0 แต่กลับโดนดีเสมอ 2-2 หลังทีมเปลี่ยน MOOP ลงแทน Happy 

ฝั่ง MOP Team ทำการบ้านมาอย่างดีเพื่อจับ MOOP โดยเฉพาะ ทำให้เล่นยากขึ้นจนโดนฝ่ายตรงข้ามตีเสมอสำเร็จ แน่นอนว่า ผลที่ออกมาทำให้ MOOP ต้องเจอคำวิจารณ์อย่างหนักระหว่างแข่งขัน เมื่อถูกมองว่า ทำให้ทีมต้องเสียแต้มสำคัญจนต้องตัดสินยืดเยื้อ และโอกาสเป็นแชมป์โลกของ Talon เริ่มยากขึ้น

“ตอนแรกที่สลับกันเล่นกับพี่อั้ม (Happy) ก็ดูเล่นสบาย เราคุ้นชินกับการเล่นของเรา เรามีการเปลี่ยนป่าระหว่างแข่ง ทำให้มีแผนเยอะ จิตใจเปลี่ยนด้วยทำให้เราได้เปรียบคู่แข่ง รอบรองชนะเลิศที่ผมสลับลงแล้วชนะ 3 เกม แต่ก็ทำให้พอรู้ว่า รอบชิงเราอาจจะโดนอะไรบ้าง”

“ตอนแรกคุยกันไว้ว่า พี่อั้ม จะลงก่อนสองเกมแล้วค่อยเปลี่ยนผม เรานำ 2-0 ทุกคนตั้งเป้าว่า รอบชิงอยากได้สกอร์ขาด 4-0 ตอนลงมาผมก็มั่นใจนะ เพราะทีมดูชนะกันได้ง่ายเลย แต่พอผมลงรู้เลยว่า ไอ้ความยากมันมาจากไหน”

“พอเกมเริ่มเปลี่ยน ผมก็พยายามอยู่กับปัจจุบัน โฟกัสตัวเองอย่างเดียว ตอนแข่งผมไม่ได้คิดอะไรว่า หากตัดสินใจทำไปแบบนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น แค่คิดอย่างเดียวทำอย่างไรก็ได้ให้เราชนะ“

เสียงวิจารณ์จากคนดูยังคงมีมากขึ้นจนมาถึงช่วงโค้งสุดท้าย ในขณะที่ทั้งสองทีมเสมอกัน 3-3 ต้องตัดสินในเกมที่เจ็ด แต่เหมือนบทหนังเรื่องนี้ถูกเขียนไว้แล้วว่า จะลงเอยอย่างไร

เกมดังกล่าว ในขณะที่ MOP Team เริ่มคุมเกมไว้ได้หมด แต่จังหวะไฟต์เกิดขึ้นในเลนหนึ่งของแมพ ที่ผู้เล่นทั้งสอนทีมเปิดฉากแลกกันดุเดือด มีเพียง MOOP ที่ไล่ตีป้อมอยู่อีกด้านหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจดันรวดเดียว 3 ป้อม และเป็นผู้ปิดเกมพา Talon ชนะ 4-3 MOP Team คว้าแชมป์ AWC 2021 ได้สำเร็จ และถือเป็นแชมป์โลกสมัยแรกของทีมจากประเทศไทย

จากโดนวิจารณ์หนักตลอดการแข่งขัน ท้ายที่สุด MOOP กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์โลกสมัยแรกมาครอง คำครหาต่างๆถูกพิสูจน์ด้วยความทุ่มเท มุ่งมั่นของเขา และเปลี่ยนเสียงดูถูก ก่นด่า เป็นเสียงชื่นชม และถูกยอมรับจากแฟนๆ RoV ด้วยใจจริง

ทว่าแม้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่ในใจของ MOOP ยังรู้สึกผิดที่เขาเกือบทำให้ทีมเกือบไปไม่ถึงแชมป์โลก

“หลังคว้าแชมป์โลกถ้าเป็นความรู้สึกของคนในทีมก็คงดีใจ แต่ส่วนตัวผมเอง ต่อให้ผมได้แชมป์มา แต่ผมยังรู้สึกเสียใจมากกว่าที่ได้แชมป์ เพราะผมเกือบทำทีมไม่ได้แชมป์โลก เราก็มั่นใจในตัวเอง และทีมก็มั่นใจว่า ลงมายังไงก็ชนะ แต่พอเจอเหตุการณ์นี้ จากเดิมรอบที่ผ่านมาผมเคยแพ้แค่เกมเดียวในเกมกับ Buriram จากนั้นไม่แพ้เลย แต่มาแพ้ 3 เกมรวดนัดชิง ทำให้ผมมีแต่ความเสียใจ”

“ผมก็ดีใจ แต่ยังซึมๆอยู่ ผมเดินไปปรึกษากับล่ามโค้ช Linkou คือนอนไม่หลับ ผมเสียใจที่เกือบทำให้ทีมไม่ได้แชมป์ ความคิดแง่ลบเยอะมากๆ ความรู้สึก ณ ตอนนั้น ผมอยากกลับไปแข่งต่อเพื่อเอาแชมป์ เอาให้เราได้เล่นมากกว่านี้ พิสูจน์ตัวเองให้มากกว่านี้ แต่ล่ามก็บอกว่า เราน่า Respect แค่ไหน เพราะทีมต่างชาติเขาทำแผนมาเพื่อแก้เราคนเดียว”

“การแข่งครั้งนี้ผมได้บทเรียนสำคัญ ต่อให้เราจะมั่นใจแค่ไหน แข่งชนะเขากี่รอบ แต่ในการแข่งรอบต่อไปไม่มีอะไรมาการันตีว่า จะชนะเขา 100% สไตล์การเล่นของตัวเองก็ต้องพลิกแพลงด้วย ตอนนั้นผมเล่นสไตล์แยกอย่างเดียวไม่รวมกับเพื่อนจนเขาจับทางได้ ซึ่งหลังจากนั้นโค้ชก็บอกว่า ในเมื่อเรามาอยู่ในระดับนี้ต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้าง บางครั้งก็ต้องเลิกเป็นตัวเองไปบ้าง เพื่อให้ทีมมันบาลานซ์”

“แต่เกมสุดท้ายผมก็เล่นเป็นสไตล์ของตัวเอง ผมก็แค่ดันไปเรื่อยๆ ดูในมินิแมพเพื่อนบอกตรงนี้เล่นได้ ก็บอกว่า เราดันอยู่ พอเห็นว่าฝั่งนั้นโผล่ครบ 5 คน ผมเลยตัดสินใจที่จะดันต่อ คิดว่าอย่างมากที่สุดสิ่งที่เขาจะต้องเสียคือไม่ป้อมข้างนอกก็ป้อมบาแรค ที่ต้องทิ้งคนกลับมากัน แล้วเพื่อนเราจะได้ดันชนะ แต่พอเห็นไม่กลับมาสักที เลยถามอีกครั้งว่า วันเดอร์ วูแมน อยู่ไหน จนสุดท้ายก็ดันจนจบเกม”

ผมชื่อ MOOP

Moop Talon
Credit:Talon Esports TH

ชื่อของ MOOP ถูกพูดถึงมากขึ้น เมื่อเขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีฝีมือ ไม่รู้จักยอมแพ้ ซึ่งทั้งแฟนๆ และผู้เล่นทีมอื่นต่างยอมรับในตัวเขา รวมถึง Happy ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ในทีม Talon และคู่แข่งตำแหน่งป่า ที่กล่าวคำยอมรับจากใจในฝีมือของ MOOP แม้ก่อนหน้านี้จะเคยไม่มั่นใจในตัวรุ่นน้องรายนี้

“ผมไม่เคยรู้นะ ก็เพิ่งมารู้กับสิ่งที่เขาคิดหลังจบการแข่ง แต่ผม respect เขามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“แต่ในมุมมองผม การต้องเป็นสำรอง วันหนึ่งเราจะต้องเป็นตัวจริงให้ได้ บางทีจึงต้องมองเขาเป็นคู่แข่งบ้าง บางครั้งก็ต้องเรียนรู้จากเขาก่อนบ้าง เพราะตำแหน่งตัวจริงมีแค่คนเดียว มันเหมือนเป็นการแข่งกันเพื่อพัฒนามากกว่าว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน”

อีกคนหนึ่งที่เชื่อมั่น ยอมรับในตัวเขา และเป็นคนที่ทำให้ MOOP ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดแชมป์โลกคือโค้ช Linkou ผู้หยิบยื่นโอกาส และปลุกปั้นให้อดีตโปรเพลเยอร์โนเนมคนหนึ่งก้าวขึ้นสู่ผู้เล่นระดับแถวหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ

“หลังได้แชมป์โลกโค้ชเรียกทุกคนคุยว่า เราเป็นที่หนึ่งของโลกจะต้องวางตัวอย่างไร เพราะจะมีสิ่งที่ทำให้ทีมเราไปต่อไม่ได้คืออะไร ไม่อยากให้ทุกคนมีอีโก้เพราะเป็นแชมป์โลก จริงๆแรงกระหายของผมมาจากตอนคัด Road to AWC เพราะสัญญาใกล้จะหมด ต้องรอต่อสัญญาก่อนแข่ง พอดีโค้ชเป็นคนที่อยากให้ผมอยู่ถึงสิ้นปีไม่ใช่แค่จบ AWC ก็เลยได้อยู่กับทีมต่อ”

“โค้ชเคยคุยส่วนตัวกับผมผ่านล่ามว่า ถ้าสมมติเขาไม่ได้ไป AWC เขาจะกลับไต้หวันจะกลับไปเป็นโค้ชที่ไต้หวันแทน ซึ่งผมเสียดาย ผมอยากอยู่กับเขาต่อ ผมก็บอกเขาว่า งั้นสิ่งที่ผมจะทำคือเอา 3 แชมป์มาให้โค้ชภายในปีนี้ ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแชมป์รายการสุดท้ายคือ AIC เพื่อทำให้เขาอยู่ต่อ”

“แม้ว่า ผลงานทีมจะไม่ค่อยดี แต่ผมก็มั่นใจ และผมจะทำให้ได้ ตอนนี้เราเดินมาครึ่งทาง เหลืออีกแค่ทัวร์นาเมนต์เดียวเท่านั้น เขาก็ตอบกลับมาว่า ถ้าได้สามแชมป์ก็คงไม่กลับแล้ว อยู่ต่อดีกว่า”

“จริงๆตั้งแต่ก่อนเข้าโปรลีก ผมชื่นชอบโค้ช Linkou อยู่แล้ว เขาเป็นคนที่ทำให้ทุกการแข่งขันมีเซอร์ไพรส์ตลอด เหมือนเป็นแฟนคลับของเขาทุกทีมที่โค้ชคุมอยู่ก็ติดตามมานาน คิดไว้ว่า สักวันผมอยากมาอยู่ทีมเดียวกับเขา ซึ่งก็ได้มาอยู่แล้ว ผมอยากรู้ด้วยว่า เวลาเป็นนักแข่งเขาจะสั่งหรือสอนอะไรเราบ้าง ในการซ้อมถ้าแพ้เยอะก็ดุบ้าง แต่จริงๆเป็นคนตลก แต่เวลางานเวลาซ้อมจริงจัง”

ความมั่นใจต่อยอดสู่ความสำเร็จใน RoV Pro League 2021 Winter ของ Talon เมื่อสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 2 มาครอง และเป็นแชมป์โปรลีกสมัยแรกที่ MOOP รอคอย แต่ระหว่างการแข่งขัน ได้มีการปรับมาใช้แพทชช์ 4.0 ในรอบเพลย์ออฟ ทำเอา Talon เกือบไปไม่ถึงฝันกับความยากของแพทช์นี้ถึงขนาดที่โค้ชจอมแทคติกอย่าง Linkou ยังแก้ปัญหาบางอย่างไม่ได้”

“4.0 สร้างปัญหาให้เราจริงๆ มันคือการปรับแพทช์ที่เหมือนเปลี่ยนรูปเกมไปเลย มันไม่เหมือนเกม RoV ที่เราเคยรู้จัก กระทบกับความมั่นใจที่เคยมีมาใน AWC เรามั่นใจมากในรอบเก็บคะแนนกับแพทช์ปัจจุบัน พอรู้ว่า 4.0 จะมารอบเพลย์ออฟพอดีก็เริ่มหาทีมซ้อมยากขึ้นบางทีมในต่างประเทศยังไม่ได้แข่ง แต่บางทีมก็ใช้แข่งไปแล้วเราก็ต้องมาเรียนรู้จากเขา”

“ผมมองว่า โอกาสจะได้ไปเล่น AIC มีประมาณ 90% เพราะ 4.0 ในไทยทีมที่เข้าทางสุดคือ Buriram จริงๆรอบเพลย์ออฟคิดว่า จะเจอพวกเขาด้วย แต่แพ้ไปก่อนทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น”

“ตอนนั้นบรรยากาศในทีมกดดันมาก เพราะตั้งแต่เราซ้อมมาทั้งทีมไต้หวัน เราไม่เคยชนะเขาเลยแม้แต่ทีมเดียวรวมถึงทีมไทยอย่าง Buriram, Bacon รอบเพลย์ออฟก็ใกล้เข้ามาทุกทีก็เลยตัดสินใจใส่กันให้สุด แต่ตึงเครียดกันมากๆ เพราะต้องหาวิธีทางที่ต้องเล่นให้ได้”

ท้ายที่สุด Talon คว้าแชมป์มาครองจากการเอาชนะ  Valencia CF eSports 4-0 โดย MOOP คว้ารางวัล MVP of Pro League ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเคยใฝ่ฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว

“หลังได้แชมป์ผมไม่รู้ด้วยว่า Finals MVP คือใครพอรู้ก็ดีใจมาก เพราะเป้าหมายที่ผมเข้าโปรลีกเพราะอยากติดระดับท็อปของป่า พอทำได้ก็ดีใจมาก” MOOP กล่าวด้วยความดีใจ

Credit: Garena RoV Tournament

AIC แชมป์ที่ต้องไปให้ถึง

แม้แพทช์ 4.0 จะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับ Talon จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นการบ้านชิ้นใหญ่ที่พวกเขาต้องก้าวข้ามให้ได้เพื่อต่อกรกับทีมต่างประเทศใน AIC แต่ MOOP ยังคงมั่นใจว่า พวกเขาจะสามารถทำได้อีกครั้ง และต้องการคว้าแชมป์รายการนี้ให้โค้ช Linkou ตามที่ได้สัญญาไว้

“ตอนโปรลีกผมยังมั่นใจสำหรับโอกาสเล่นใน AIC นะเพราะรายการนี้ยังไงเราก็ต้องทำการบ้านกันหนักกว่าเดิม แพทช์ประเทศอื่นเขาปรับก่อนเรา ปรับกันไวอยู่แล้ว เขาได้เรียนรู้ก่อนเรา แต่เราก็ต้องเก็บข้อมูลไปด้วยว่า ต่างประเทศเล่นอย่างไร”

“ก่อนหน้านี้ก่อนเข้ารอบเพลย์ออฟที่ซ้อม 4.0 กับทีมต่างประเทศพวกไต้หวัน เราแพ้ยับเลย ซ้อมไป 10 เกม ชนะ 1 แพ้ 9 เรามีความกดดันมาก ก็คิดว่า ถ้าไปรอดในโปรลีกก็ต้องจริงจัง เพราะเราประมาท AIC ไม่ได้เลย”

จากความผิดหวัง โดน Bully ถูกวิจารณ์ที่เกือบพลาดแชมป์โลก วันนี้ของ MOOP ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาคือผู้เล่นแถวหน้าของ RoV เมืองไทย เขาเป็นทั้งแชมป์โปรลีก และแชมป์โลก ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่แชมป์รายการระดับโลกอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์คือ AIC 2021

แต่เบื้องหลังความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีบุคคลสำคัญที่คอยผลักดัน MOOP สู้ต่อไปในวันที่ล้ม และอยู่เคียงข้างในวันที่เขาชนะ

“แม่มีส่วนสำคัญกับความสำเร็จของผมมากๆ หลังจากผมเข้าโปรลีก แม่จะคอยส่งค่าขนม ดูแลทุกอย่าง พอมาอยู่ Talon ก็เริ่มสนับสนุนมาเรื่อยๆ ทั้งตอนตกรอบเพลย์ออฟครั้งก่อนก็ปลอบใจเราตลอด ทุกการแข่งไม่ว่าจะระดับไหนเขาก็จะคอยเชียร์ ผมจะวิดีโอคอลก่อนแข่งแมตช์ต่อไปกับแม่ทุกครั้ง ให้กำลังใจอยู่เสมอ”

“ผมเคยบอกแม่ว่า อยากจะแข่งเกม การได้แข่งระดับโปรลีกมันเป็นความมั่นใจส่วนตัวของผมที่อยากลองดู เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เปิดโอกาสให้ลองทำจนกว่าเราจะไม่พยายามทำด้วยตัวเอง แต่ที่ผ่านมาผมตกรอบมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ผมก็ไม่เคยถอย เวลาแข่งเสร็จผมจะโทรหาเขาตลอด”

“ถ้าถึงวันที่ผมได้แชมป์รายการที่ 3 (AIC) ผมอยากบอกขอบคุณเขาที่คอยให้กำลังใจมาตลอด ทั้งตอนที่ตกรอบหลายครั้ง จนมีความสำเร็จเข้ามาในชีวิต และยินดีกับผม ผมอยากขอบคุณแม่ที่วันนั้นไม่ปิดโอกาสให้ผมได้ทำในสิ่งที่ชอบ” MOOP ปิดท้าย

อ่านเพิ่ม: