ลองนึกภาพทีมของคุณที่กำลังได้เปรียบในการบุก แต่กลับผู้เล่น Jett ในทีมของคุณกลับซื้อปืน Operator ยืนอยู่นิ่งๆไม่ยอมบุกพร้อมคนอื่นๆ และสุดท้ายก็โดนคู่ต่อสู้จัดการพร้อมกับต้องเสียปืน Operator ราคา 4,700 Credits ไปแบบไร้ประโยชน์ มันคงน่าจะหงุดหงิดน่าดู
Jett เป็นเอเจนท์ Duelist ที่มีความคล่องตัวมากกว่าเอเจนท์ตัวอื่นๆ ซึ่งความสามารถของเธอมีเหมาะสมกับการเล่นแบบ Aggressive รวมถึงเหมาะกับการใช้ Operator เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การใช้ Operator ในฝั่งบุกอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าที่ควร ซึ่งวันนี้เราจะมาอธิบายว่าทำไมผู้เล่น Jett ทั้งหลายถึงไม่ควรซื้อ Operator ในฝั่งบุก
นี่คือสาเหตุว่าทำไม Jett ถึงไม่ควรใช้ Operator ในฝั่งบุก
จริงอยู่ที่ว่าในการแข่งขัน VCT ที่ผ่านมา เรามักเห็นผู้เล่น Jett ของทีมฝั่งบุกซื้อ Operator เพื่อใช้ในการตัดเกมอยู่บ่อย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถทำแบบนั้นได้เหมือนกับเหล่าโปร
การที่เหล่าโปร Jett ในการแข่งขันต่างๆใช้ Operator ในฝั่งบุกเป็นแผนที่เขาและเพื่อนร่วมทีมซ้อมกันมาเป็นอย่างดีและจำเป็นต้องใช้การสื่อสารอย่างมากเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจากการใช้ Operator
ซึ่งการสื่อสารในการเล่นทั่วไปไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับทีมในการแข่งขันที่มีการซ้อมอย่างหนัก เพราะฉะนั้นการนำปืนราคา 4,700 Credits มาใช้ในฝั่งบุกอาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หรืออาจจะทำให้การเล่นในฝั่งบุกเกิดปัญหาได้
นอกจากนี้ สถานการณ์จะเลวร้ายกว่าเดิมเมื่อ Jett ที่ใช้ Operator เป็นผู้เล่น Duelist เพียงคนเดียวของทีม ซึ่งหมายความว่าในจังหวะที่ทีมกำลังบุกเข้าไป ทีมจะขาดตัวเปิดที่เข้าไปเคลียร์มุมต่างๆภายในไซต์ ซึ่งอาจจะทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
แน่นอนว่าบางทีการใช้ Operator ในฝั่งบุกอาจจะเป็นการเซอร์ไพรส์ศัตรูซึ่งสร้างความได้เปรียบได้ในบางจังหวะ แต่ปืน Operator ของเกม Valorant มีความช้าและอืดอาดพอสมควร หากคุณพลาดในการเปิดจังหวะแรก โอกาสที่คุณจะถูกศัตรูจัดการมีสูงมากๆถึงแม้ว่าคุณจะเป็น Jett ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม Operator ยังคงเป็นอาวุธที่จำเป็นในบางสถานการณ์ แต่ถ้าหากคุณไม่ได้เป็นเทพเจ้าในการใช้Operator เหมือน Wardell หรือไม่ได้ซื้อมาโดยมีแผน หรือมีเพื่อนร่วมทีมในการรองรับสถานการณ์อื่นๆ ได้โปรดหยุดซื้อซะเถอะเพื่อประโยชน์ของทีม
อ่านเพิ่ม: Valorant Crosshair Database: วิธีใช้งานสำหรับผู้เล่น
