แม้ว่าแฟนๆยังต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ League of Legends: Wild Rift ไปก่อน แต่ในช่วงเวลานี้ถือว่ายังเป็นช่วงที่ดีสำหรับการศึกษาระบบการเล่นต่างๆ และโหมดสำคัญคือโหมดอันดับที่ควรรู้ไว้ก่อนลุยเต็มตัว


จะปลดล็อคระบบโหมดจัดอันดับได้อย่างไร ?

ก่อนอื่นเลยผู้เล่นจะต้องเล่นโหมดธรรมดาเพื่อเก็บเลเวลไปจนถึงเลเวล 10 ก็จะสามารถปลดล็อคโหมดจัดอันดับได้แล้ว ถ้าเป็น LoL จะต้องเล่นไปจนถึงเลเวล 30 และ มีแชมเปี้ยนส์ 20 ตัวอย่างน้อย

สรุปง่ายๆก็คือคนที่อยากไต่แรงค์ต้องขยันเล่นโหมดธรรมดาหน่อยไม่นานก็ปลดล็อคเอง

อันดับท้ังหมด ?

อันดับทั้งหมดในเกม Wild Rift ทั้งหมดเรียงจากต่ำไปสูงสุด

  • Iron
  • Bronze
  • Silver
  • Gold
  • Platinum
  • Emerald
  • Diamond
  • Master
  • Grandmaster
  • Challenger

สำหรับคนที่เล่น LoL ใน PC มาคงคุ้นกับอันดับนี้เป็นอย่างดียกเว้นแต่ Emerald ที่ถูกแทรกเข้ามาระหว่าง Platinumและ Diamond 

“เราเพิ่ม Emerald เข้ามาระหว่าง Platinumและ Diamond เพื่อที่จะกรองความสามารถของผู้เล่นให้ได้มากขึ้น” Ed “MartianSpider” Knapp ซีเนียร์เกมดีไซน์เนอร์กล่าวอธิบายเพิ่ม

ดาวของแต่ละขั้น

ลำดับดาวของแต่ละขั้นมีความซับซ้อนกว่าเกมอย่าง RoV ที่เกมเมอร์บ้านเราคุ้นเคยพอสมควร โดยในระดับ Emerald และต่ำกว่าจะได้ดาว 1 ดวงเมื่อชนะ และเสีย 1 ดวงเมื่อแพ้ สำหรับระดับ Iron  ไปจนถึง  Bronze เมื่อแพ้ 1 เกมจะยังไม่เสียดาวทันที ส่วนในระดับ Silver  ไปถึง  Emerald จะเสีย 1 ดาวเมื่อแพ้ทันที

นอกจากนี้ในแต่ละขั้นจะต้องเก็บจำนวนดาวที่ไม่เท่ากันเพื่อเลื่อนขั้นโดยจำนวนดาวที่เก็บเพื่อเลื่อนขั้นจะสูงขึ้นไปตามขั้น

  • Iron (IV, III, II, I) – ต้องการ 2 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
  • Bronze (IV, III, II, I) – ต้องการ 3 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
  • Silver (IV, III, II, I) – ต้องการ 3 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
  • Gold (IV, III, II, I) – ต้องการ 4 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
  • Platinum (IV, III, II, I) – ต้องการ 4 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
  • Emerald (IV, III, II, I) – ต้องการ 5 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น

และจำนวนดาวจะไม่ถูกริบคืนแม้ว่าผู้เล่นจะไม่ค่อยได้เล่นในโหมดจัดอันดับ

คะแนนพิเศษ

ในเกม Wild Rift โหมดจัดอันดับจะมีคะแนน Fortitude ที่จะแสดงเป็นแถบล่างลำดับขั้นของผู้เล่น โดยคะแนนดังกล่าวจะได้มาจากการเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง หรือการโชว์สกิล และการเล่นต่อไปแม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะทำการ AFK ออกไปแล้ว เมื่อเราเก็บคะแนน Fortitude ได้เต็มแถบเท่ากับจะได้ 2 ดาว นอกจากนี้ยังมีคะแนน Victory พอยท์สำหรับ ผู้เล่นในระดับ Diamond ขึ้นไปโดยทุก 100 คะแนนที่เก็บได้หมายถึงการเลื่อนขั้นซึ่งคะแนนส่วนมีมาจากหลายปัจจัยแต่ไม่เหมือนกับการจัดอันดับคะแนนตรงนี้สามารถหายไปได้

การเลื่อนขั้น

คล้ายกับเกม RoV เมื่อเลื่อนขั้นขึ้นไปยังขั้นต่างๆที่สูงกว่าผู้เล่นจะได้คะแนนดาวโบนัส และหากแพ้ในเกมแรกที่ลงเล่นในอันดับใหม่ก็จะยังไม่ร่วงลงไปขั้นเดิมในทันที นอกจากนี้ คะแนน Fortitude จะไม่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลื่อนขั้น

ระบบจับคู่

ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าอยากจะเล่น คนเดียว เป็นคู่ สามคน หรือพร้อมกันทั้งทีมได้ คล้ายกับ RoV และระบบจะจับคนที่เข้าโหมดจัดอันดับแบบ solo เข้าด้วยกัน หรือคนที่เข้าแบบ 3 คนพร้อมกัน ก็มีโอกาสที่จะเจอกับทีม 3 คนฝั่งตรงข้ามเช่นกัน ตัวอย่างเช่น 1-1-1-1-1 vs 1-1-1-1-1; 2-2-1 vs 2-2-1; 3-2 vs 3-2 สำหรับการจับคู่แบบทีมผู้เล่นจะต้องมีอันดับขั้นห่างกันไม่เกิน 1 อันดับ